วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2557

My Memory Steven Gerrard (Vol.2)

ผู้นำทัพหงส์บินไปสู่ดวงดาว

ต่อจากบทความก่อนหน้า ฤดูกาล 2002-2003 เจอร์ราร์ดยังคงโชว์ฟอร์มได้ดี โดยลงเตะให้ทัพหงส์ 34 นัด ยิงได้ 5 ประตู และลงเล่นเกมยุโรปอีก 11 นัด และพาทีมคว้าแชมป์ลีกคัพโดยเอาชนะแมนยู คู่ปรับ
ตลอดกาลมาได้ในที่สุดในฤดูกาล 2003-2004 เป็นปีที่เจอร์ราร์ดท๊อปฟอร์มมากๆ เป็นนักเตะที่คอยกระตุ้นเพื่อนร่วมทัมได้เสมอ ทั้งการฝึกซ้อมอย่างหนัก และการทุ่มเทให้กับเกม เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเพื่อนร่วมทีม โดยในฤดูกาล 2003-2004 เจอร์ราร์ดที่ต้องคอยไล่ตัดเกมรุปของคู่ต่อสู้ด้วยนั้น โดนใบเหลืองไปแค่ 2 ครั้ง แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นผู้เล่นที่เล่นบอลอย่างขาวสะอาดมากคนนึง
My Memory Steven Gerrard (Vol.2)
My Memory Steven Gerrard (Vol.2)


My Memory Steven Gerrard (Vol.2)

เซราร์ อุลลิเยร์ ผู้จัดการทีมในตอนนั้นก็แต่งตั้งให้เขาเป็นกัปตันทีมคนใหม่แทนที่ ซามี่ ฮูเปีย ก่อนลงแข่งในศึกยูฟ่า คัพ นัดพบโอลมปิย่า ลูบยาน่า ในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 2003 เจอร์ราร์ดมีฟอร์มที่โดดเด่นมาตลอดฤดูกาลนี้ ทำแฟนๆ เทคะแนนโหวตให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแฟ่งปี และในปีนี้้เองเจอร์ราร์ดถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษอีกครั้ง ในชุดลุยศึกยูโรปี ค.ศ. 2004 ที่ประเทศโปรตุเกส โดยพาทีมเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนพ่ายกับโปรตุเกส เจ้าภาพไปในที่สุด

ฤดูกาล 2004-2005 เขาลงเล่นในเกมพรีเมียร์ลีก 30 นัดทำได้ 7 ประตู และพาทีมลิเวอร์พูลเข้าชิงลีกคัพกับเชลซีแต่แพ้ไป 3-2 โดยที่เจอร์ราร์ดพลาดท่าทำเข้าประตูตัวเอง ซึ่งเป็นประตูตีเสมอ 1-1 อีกด้วย แต่เจอร์ราร์ดก็แก้ตัวโดยการแก้เกมจนสามารถพาทีมคว้าถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกมาได้ ในรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2004-2005 ลิเวอร์พูล ต้องพบกับ เอซีมิลาน ยอดทีมจากประเทศอิตาลี ในการฟาดแข้งที่สนามอตาเติร์ก สเตเดี้ยมกรุงอิลตุนบุล ประเทศตุรกี แก่แฟนหงส์แดงก็ต้องผิดหวังตั้งแต่การแข่งขันครึ่งแรกจบลง

เมื่อเป็นฝ่ายตามหลังไปถึง 0-3 แต่ เจอราร์ด ในฐานะกับตันทีมก็ยังไม่ยอมแพ้ กระตุ้นให้ลูกทีมฮึดสู้ตามไปด้วย และเขาก็โหม่งประตูตีไข่แตกช่วยให้ ลิเวอร์พูล ไล่มาเป็น 1-3 พร้อมทั้งความหวัง หลังจากนั้น วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์ ก็ยิงประตูช่วยให้ลิเวอร์พูล ไล้ขึ้นมาเป็น 2-3 ท่ามกลางความหวังที่เพิ่มขึ้นของแฟนบอล ก่อนที่ ซาบี อลอนโซ่ จะมาทำประตูตี
เสมอให้กับ ลิเวอร์พูลได้สำเร็จ ชนิดแฟนบอลมิลาน ถึงกับตะลึงและต้องไปตัดสินกันที่การดวลจุดโทษ หลังจากที่ต้องต่อเวลาพิเศษไปแล้วก็ยังเสมอกันอยู่ 2-3 และเจอร์ซี่ ดูเด็ด นายทวารชาวโปแลนด์ ก็ช่วยเซฟจุดโทษให้ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยุโรปมาครองได้แบบสุดมหัศจรรย์ โดยที่มีกัปตันทีมที่ชื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ก้าวขึ้นไปรับถ้วยรางวัลชูขึ้นเหนือหัวประกาศให้โลกรู้ถึงความยอดเยี่ยมของ ลิเวอร์พูลและตัวเขาเอง

นอกจากจะพาทีมิลเวอร์พูลคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครองได้แล้ว เจอร์ราร์ดยังได้รับรองวัลนักเตะทรงคุณค่าของการแข่งขัน และมีชื่อเข้าชิงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของยุโรป หรือบีลลงดอร์ แต่ก็โดนโรนัลดินโญ่ ดาวเตะบราซิลเลียนของบาร์เซโลน่า เบียดคว้าตำแหน่งไปครอง นอกจากนั้น  เจอร์ราร์ดยังอยู่ในอันดับ 3 ของรางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมแห่งปีของบีบีซรอีกด้วย แต่แฟนหงส์แดงต่างเป็นกังวล เพราะในช่วงนั้นข่าวการย้ายทีมของเจอร์ราร์ดลือกันหนาหูมาก เหตุเพราะการเจรจาเรื่องสัญญากับลิเวอร์พูลนั้นไม่ประสบความสำเร็จมาหลายครั้ง ตัวเจอร์ราร์ดเองก็ไม่ได้ออกมาแก้ข่าวอะไรแต่ก็ยังทำผลงานให้ทีมได้ดีตลอด สร้างความกังวลใจให้แฟนๆ มาก

ในเดือนกรกฏาคม ปี ค.ศ. 2005 ซึ่งเป็นช้วงปิดฤดูกาล การเจรจาจต่อสัญญาของเจอร์ราร์ด กับลิเวอร์พูลก็ล้มเหลวลงอีกครั้ง ท่ามกลางข่าวลือ เซลซี ยื่นข้อเสนอมาให้ เจอร์ราร์ด ย้ายมาร่วมทีมด้วยค่าตัวมหาศาล 32 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 2,000 ล้านบาทไทย ซึ่งถือเป็นค่าตัวที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ และในวันที่ 5 กรกฎาคม ปนั้น เจอร์ราร์ดก็ออกมาประกาศว่าเขาอยากจะย้ายออกจากแอนฟิลด์ หลังจากที่ยังตกลงเรื่องสัญญากับทางสโมสรไม่ได้ซักที แต่ในท้ายที่สุดแล้ว แฟนบอลของลิเวอร์พูล ก็ได้เฮกันลั่น เมื่อเจอร์ราร์ดเปลี่ยนใจในวันต่อมา และจัดการเซ็นสัญญากับ ลิเวอร์พูลไปอีก 4 ปีในวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 2005 พร้อมกับเจมี่คาร์รอเกอร์ เพื่อนร่วมทีมที่ก้าวมาจากโรงเรียนลูกหนังของิลเวิร์พูล ด้วยกัน
อ้างอิงข้อมูลจากนิตยสาร Sexiest Sportsman

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น