ฤดูกาล 2004-2005 เซลซีมีการเปลี่ยนแปลงครั้งครั้งใหญ่อีงครั้ง โดยการมาของ "โฮเซ่ มูรินโญ่" ผู้จัดดารทีมคนใหม่ ซึ่งพกดีกรีมามากมายทั้งแชมป์ลีกโปรตุเกส แชมป์ยูฟ่าคัพ และแชมป์เปี้ยนลีก เขาเปลี่ยนเปลงทีมครั้งใหญ่โดยเปลี่ยนแผนการฝึกซ้อม และการการเล่นของทีมใหม่ทั้งหมด อีกทั้งยังซื้อนักเตะใหม่เข้ามาเสริมทีมอีกหลายคนแต่ โฮเซ่ มูรินโญ่ ก็ยังไว้ให้ที่จะให้แลมพาร์ดเป็นนักเตะตัวยืนคนสำคัญของทีมอยู่ ซึ่งเขาก็ไมได้ทำให้ทีมผิดหวังโดยพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ และทะลุไปถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายของแชมป์เปี้ยนลีกแต่ก็พ่ายกับลิเวอร์พูลซึ่งเป็นแชมป์ของแชมป์ลีกในเวลาต่อมา นอกจากนี้ยังพาทีมคว้าแชมป์ลีกคัพอีกด้วยในเวลาต่อมา โดยในฤดูกาลนี้เขาลงเล่นทั้งสิ้น 38 นัด ทำได้ 13 ประตู และ 4 ประตูจาก 12 เกมส์ในยูฟ่าแชมป์ลีก ด้วยที่แลมพาร์ดเป็นนักเตะที่มีพลังการยิงที่หนักหน่วง การวางบอลที่แม่นยำการสกัดบอลที่แน่นอน ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมในปีเดียวกันนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งรางวัลที่น่าภาคภูมิใจในชีวิตนักเตะอาชีพของเขาเลยทีเดียว
ตลอดฤดูกาล 2005-2006 แลมพาร์ดยังโชว์ฟอร์มได้ดีอย่างสม่ำเสมอ พาทีมขึ้นเป็นผู้นำพีเมียร์ลีกและยังยิงประตูเอาใจแฟนอย่างต่อเนื่อง โดยทำลายสถิติลงสยามติดต่อกันนาวนานที่สุด
ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ชิพของเดวิด เจมส์ ที่ทำไว้ 159 นัด โดยฤดูกาลนี้เขาทำได้ 20 ประตู เป็นประตูจากพรีเมียร์ลีก 16 ประตู จากการลงเตะ 35 นัด ซึ่งสูงที่สุดในบรรดากองกลางจากพรีเมียร์ลีก และ 2 ประตูจากลีกคัพ และอีก 2 ประตูจากยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก และพาเชลซีได้แชมป์ พรีเมียร์ลีกอีกสมัย
แลมพาร์ดยังโชว์ฟอร์มเก๋ายิงประตูได้อย่างต่อเนื่องตลอดฤดูกาล 2006-2007 ซึ่งทำได้ถึง 21 ประตูจากพรีเมียร์ลีก 11 ประตู จากการลงเตะ 36 นัด เอฟเอคัพ 6 ประตู ลีกคัพ 3 ประตู ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก 1 ประตูจนมาถึงฤดูกาล 2007-2008 ในปีนี้อาจเป็นปีที่โชคไม่ค่อยดีสำหรับแลมพาร์ดนัก เขาได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง และสูญเสียมารดาในปีนี้ ทำให้สภาพร่างกายและจิตใจของแลมพาร์ดไม่อยู่ในระดับที่จะพาทีมไปคว้าชัยชนะได้ จากจุดโทษในนัดเจอลิเวอร์พูลในเกมยูฟ่าแชมเปี่ยนลีกรอบรองชนะเลิศ และฤดูกาลนี้แลมพาร์ดทำประตูได้ถึง 20 ประตู จากพีเมียร์ลีก 10 ประตูจากการลงเตะ 23 นัด เอฟเอคัพ 2 ประตู ลีกคัพ 4 ประตู และยูฟ่าแชมเปี้ยนลีค 4 ประตู
ในฤดูกาล 2008-2009 แลมพาร์ดต่อสัญญากับเซลซีไปอีก 5 ปี สร้างความโล่งใจให้บรรดาแฟนเซลซีที่คอยลุ้นกันว่าเมื่อหมดสัญญาแล้วจะมีการย้ายทีมหรือไม่ และในฤดูกาลนี้แลมพาร์ดยังรักษามาตรฐานการเล่นได้ดี ทำประตูในทุกรายการ 20 ประตู จากพรีเมียร์ลีก 12 ประตู จากการลงเตะ 37 นัด ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก 3 ประตู ลีกคัพ 2 ประตูและเอฟเอ คัพ 3 ประตูและเป็นประตูสำคัญให้ทัมกลับมาเอาชนะเอฟเวอร์ตันว้าแชมป์ไปในที่สุด ด้วยฟอร์มดีไม่มีตก ทำให้ได้รับการโหวตให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของเซลซีประจำฤดูกาลนี้ และยังคงทำผลงานอย่างต่อเนื่องในฐานะนักเตะของเชลซี และขุนศึกแห่งทัพนักเตะแห่งเกาะอังกฤษ การันตีได้จากแลมพาร์ดได้รับเลือกเป็นผู้เล่นที่ทำประตูสูงสุดเป็นอันดับที่ 5 ในประวัติศาตร์ของเชลซีด้วยจำนวนประตูรวม 146 ประตู ในจำนวนนี้ เป็นการทำประตูในพรีเมียร์ลีก 95 ประตูซึ่งมากที่สุดในบรรดาผู้เล่นตำแหน่งกองกลางด้วยกันแล้วแลมพาร์ดเป็นผู้ทำประตูสูงสุดในประวัติศาสต์ร์รีเมียร์ลีก เมื่อรวมทุกนัดที่แลมพาร์ดลงเล่นในพรีเมียร์ลีกซึ่งทำให้ประตูได้ถึง 119 ประตู นอกจากนี้ยังได้อันดับที่ 3 ของพรีเมียร์ลีกในการผ่านบอลให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูเป็นจำนวน 149 ครั้ง
ในปี ค.ศ. 2005 แลมพาร์ได้รับการโหวตจากฟุตบอล พรีเมียร์ลีกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี นอกจากนี้ยังได้รับเลือกให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีจากการโหวตของสื่อมวลชนในปีเดียวกันยังได้รับรางวัลอันดับที่สองของนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่าและได้อันดับที่สอง รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรป รางวัลมากมายขนาดนี้ ยืนยันถึงความสามารถของมิดปิลด์ตัวเก๋าคนนี้ จังไม่เปลกใจที่หลายๆ สถาบันยกย่องให้แลมพาร์ดเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลกคนหนึ่งสำหรับชีวิตนักเตะทีมชาตินั้นก็ถือว่าแลมพาร์ด ยังคงเป็นกำลังสำคัญของทัพสิงโตคำรามที่ร่วมศึกมาถึง 77 ครั้ง และทำประตู นับว่าไม่น้อย สำหรับเกมส์ใหญ่อย่างฟุตบอลโลกและ 26 ประตู ในการลงสนามทั้งหมด 95 ครั้งในศึกยูโร
ในปี ค.ศ. 2009 แลมพาร์ดยังโชว์ฟอมร์เก๋าในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2010 แลมพาร์ดก็ทำประตูไป 4 ประตู ช่วยให้ทีมชาติอังกฤษได้อันดับที่ 1 ของกลุ่ม ผ่านเข้าไปเล่นรอบ 32 ทีมสุดท้าย ที่อาฟริกาใตเกลางปี ค.ศ. 2010
นอกจากฝีแข้งที่ทำให้แลมพาร์ดนั้นโด่งดังนั้น ข่าวฉาวเพราะพฤติกรรมเข้าชู้ของแลมพาร์ดก็เป็นขนมหวานของสื่อมวลชน ที่คอยหาภาพหลุดและข่าวคาวมานำเสนอผ่านสื่อต่างๆ บ่อยครั้ง ตามประสาหนุ่มรูปหล่อที่เป็นขวัญใจมหาชน แลมพาร์ดจัดได้ว่าเป็นคาสโนว่าอันดับหนึ่งของวงการฟุตบอลโลกเลยทีเดียว
อ้างอิงข้อมูลจากนิตยสาร Sexiest Sportsman
![]() |
เรื่องราวของ แฟรงค์ แลมพาร์ด หรือ แลมพ์ (Frank Lampard) Vol.2 |
เรื่องราวของ แฟรงค์ แลมพาร์ด หรือ แลมพ์ (Frank Lampard) Vol.2
ตลอดฤดูกาล 2005-2006 แลมพาร์ดยังโชว์ฟอร์มได้ดีอย่างสม่ำเสมอ พาทีมขึ้นเป็นผู้นำพีเมียร์ลีกและยังยิงประตูเอาใจแฟนอย่างต่อเนื่อง โดยทำลายสถิติลงสยามติดต่อกันนาวนานที่สุด
ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ชิพของเดวิด เจมส์ ที่ทำไว้ 159 นัด โดยฤดูกาลนี้เขาทำได้ 20 ประตู เป็นประตูจากพรีเมียร์ลีก 16 ประตู จากการลงเตะ 35 นัด ซึ่งสูงที่สุดในบรรดากองกลางจากพรีเมียร์ลีก และ 2 ประตูจากลีกคัพ และอีก 2 ประตูจากยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก และพาเชลซีได้แชมป์ พรีเมียร์ลีกอีกสมัย
แลมพาร์ดยังโชว์ฟอร์มเก๋ายิงประตูได้อย่างต่อเนื่องตลอดฤดูกาล 2006-2007 ซึ่งทำได้ถึง 21 ประตูจากพรีเมียร์ลีก 11 ประตู จากการลงเตะ 36 นัด เอฟเอคัพ 6 ประตู ลีกคัพ 3 ประตู ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก 1 ประตูจนมาถึงฤดูกาล 2007-2008 ในปีนี้อาจเป็นปีที่โชคไม่ค่อยดีสำหรับแลมพาร์ดนัก เขาได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง และสูญเสียมารดาในปีนี้ ทำให้สภาพร่างกายและจิตใจของแลมพาร์ดไม่อยู่ในระดับที่จะพาทีมไปคว้าชัยชนะได้ จากจุดโทษในนัดเจอลิเวอร์พูลในเกมยูฟ่าแชมเปี่ยนลีกรอบรองชนะเลิศ และฤดูกาลนี้แลมพาร์ดทำประตูได้ถึง 20 ประตู จากพีเมียร์ลีก 10 ประตูจากการลงเตะ 23 นัด เอฟเอคัพ 2 ประตู ลีกคัพ 4 ประตู และยูฟ่าแชมเปี้ยนลีค 4 ประตู
ในฤดูกาล 2008-2009 แลมพาร์ดต่อสัญญากับเซลซีไปอีก 5 ปี สร้างความโล่งใจให้บรรดาแฟนเซลซีที่คอยลุ้นกันว่าเมื่อหมดสัญญาแล้วจะมีการย้ายทีมหรือไม่ และในฤดูกาลนี้แลมพาร์ดยังรักษามาตรฐานการเล่นได้ดี ทำประตูในทุกรายการ 20 ประตู จากพรีเมียร์ลีก 12 ประตู จากการลงเตะ 37 นัด ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก 3 ประตู ลีกคัพ 2 ประตูและเอฟเอ คัพ 3 ประตูและเป็นประตูสำคัญให้ทัมกลับมาเอาชนะเอฟเวอร์ตันว้าแชมป์ไปในที่สุด ด้วยฟอร์มดีไม่มีตก ทำให้ได้รับการโหวตให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของเซลซีประจำฤดูกาลนี้ และยังคงทำผลงานอย่างต่อเนื่องในฐานะนักเตะของเชลซี และขุนศึกแห่งทัพนักเตะแห่งเกาะอังกฤษ การันตีได้จากแลมพาร์ดได้รับเลือกเป็นผู้เล่นที่ทำประตูสูงสุดเป็นอันดับที่ 5 ในประวัติศาตร์ของเชลซีด้วยจำนวนประตูรวม 146 ประตู ในจำนวนนี้ เป็นการทำประตูในพรีเมียร์ลีก 95 ประตูซึ่งมากที่สุดในบรรดาผู้เล่นตำแหน่งกองกลางด้วยกันแล้วแลมพาร์ดเป็นผู้ทำประตูสูงสุดในประวัติศาสต์ร์รีเมียร์ลีก เมื่อรวมทุกนัดที่แลมพาร์ดลงเล่นในพรีเมียร์ลีกซึ่งทำให้ประตูได้ถึง 119 ประตู นอกจากนี้ยังได้อันดับที่ 3 ของพรีเมียร์ลีกในการผ่านบอลให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูเป็นจำนวน 149 ครั้ง
ในปี ค.ศ. 2005 แลมพาร์ได้รับการโหวตจากฟุตบอล พรีเมียร์ลีกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี นอกจากนี้ยังได้รับเลือกให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีจากการโหวตของสื่อมวลชนในปีเดียวกันยังได้รับรางวัลอันดับที่สองของนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่าและได้อันดับที่สอง รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรป รางวัลมากมายขนาดนี้ ยืนยันถึงความสามารถของมิดปิลด์ตัวเก๋าคนนี้ จังไม่เปลกใจที่หลายๆ สถาบันยกย่องให้แลมพาร์ดเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลกคนหนึ่งสำหรับชีวิตนักเตะทีมชาตินั้นก็ถือว่าแลมพาร์ด ยังคงเป็นกำลังสำคัญของทัพสิงโตคำรามที่ร่วมศึกมาถึง 77 ครั้ง และทำประตู นับว่าไม่น้อย สำหรับเกมส์ใหญ่อย่างฟุตบอลโลกและ 26 ประตู ในการลงสนามทั้งหมด 95 ครั้งในศึกยูโร
ในปี ค.ศ. 2009 แลมพาร์ดยังโชว์ฟอมร์เก๋าในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2010 แลมพาร์ดก็ทำประตูไป 4 ประตู ช่วยให้ทีมชาติอังกฤษได้อันดับที่ 1 ของกลุ่ม ผ่านเข้าไปเล่นรอบ 32 ทีมสุดท้าย ที่อาฟริกาใตเกลางปี ค.ศ. 2010
นอกจากฝีแข้งที่ทำให้แลมพาร์ดนั้นโด่งดังนั้น ข่าวฉาวเพราะพฤติกรรมเข้าชู้ของแลมพาร์ดก็เป็นขนมหวานของสื่อมวลชน ที่คอยหาภาพหลุดและข่าวคาวมานำเสนอผ่านสื่อต่างๆ บ่อยครั้ง ตามประสาหนุ่มรูปหล่อที่เป็นขวัญใจมหาชน แลมพาร์ดจัดได้ว่าเป็นคาสโนว่าอันดับหนึ่งของวงการฟุตบอลโลกเลยทีเดียว
อ้างอิงข้อมูลจากนิตยสาร Sexiest Sportsman
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น